อันที่จริงเป็นสูตรที่พยายามปรับให้ได้รสชาติที่ใกล้กับ Baby boom ที่ไปทานมาจาก coffee bean มากที่สุด เพราะครั้งแรกที่ได้ทานก็ติดใจมาก จนมาเริ่มอบขนมก็พยายามหาสูตรแต่ก็มีแต่สูตร Strawberry shortcake ทั่วๆไป ทำไมมันไม่ไหลๆเยิ้มเวลาทิ้งไว้แบบเค้าหว่า รสชาติก็ไม่หอมๆนมๆ ก็ปรับๆมิกซ์ๆสูตรไปเรื่อย สุดท้ายแล้วต้องขอบอกว่าจะได้สูตร final นี้ที่ให้ใครได้ชิมก็ติดใจ ก็ต้องใช้เวลาพักใหญ่ทีเดียว
อย่างไรก็ดีต้องขอขอบคุณอาจารย์แม่ทั้งสามด้วยค่ะเพราะทั้งนี้เป็นการรวมร่างจาก 3 สูตร คือ
1.สูตรสตรอเบอร์รี่ครีมเค้ก ของแม่ปูขาเก เซมารู
2.สูตรชิฟฟอนเค้ก (ปรับจากเค้กชาไทยอีกที) ของคุณจุ๋ม แม่สลิ่ม
3.สูตรเค้กนมสด ของคุณ jj bd
อ๊ะๆ คงสงสัยว่าทำไมใช้ชิฟฟอนเป็นตัวเค้กนะคะ ชิฟฟอนเนี่ยสามารถใช้น้ำมันคาโนล่าได้ซึ่งมันดีต่อสุขภาพนะจ๊ะ รสชาติก็ดีเนื้อก็นุ่ม ไม่ต้องใช้ SP ด้วย แล้วทำไมจะไม่ล่ะ อิๆ สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบหวานมากค่ะ ถ้าชอบหวานๆก็เพิ่มเติมได้ตามสะดวกนะคะ
ส่วนผสมตัวเค้ก
1.ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 3 ฟอง (แยกไข่แดงไข่ขาว)
2.น้ำมันคาโนล่า 40 กรัม
3.นมสดจืด 75 กรัม
4.วนิลา 1 ช้อนชา
5.แป้งสาลีเอนกประสงค์ 90 กรัม
6.ผงฟู 1/2 ช้อนชา
7.เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
8.น้ำตาลป่น 90 กรัม
(แบ่งครึ่ง ส่วนนึงรวมกับส่วนผสมแป้ง อีกครึ่งเอาไว้ตีกับไข่ขาว)
9.ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสมสำหรับสอดไส้
1.วิปครีม 2 1/2 ถ้วยตวง
2.น้ำตาลไอซิ่ง 2 1/2 ช้อนโต๊ะ (ชอบหวานเพิ่มไปอีกค่ะ)
3.เกลือ 1/2 ช้อนชา
4.นมสด 1/2 ถ้วยตวง
5.วนิลลา 2 ช้อนชา
6.เจลลาติน 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ (ไม่ใช้ก็ได้ค่ะ)
ส่วนผสมซ๊อส
1.สตรอเบอร์รี่สด ประมาณ 800 กรัม
(300 กรัม ทำซ๊อส / ที่เหลือเอาไว้สอดไส้และแต่งหน้า)
2.น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
(ถ้าชอบหวานจัดๆก็เพิ่มไปค่ะ)
3.เกลือ 1/8 ช้อนชา
4.น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1.อุ่นเตาอบ 180 C เตรียมพิมพ์ปูกระดาษไข ไม่เคยทำแบบพับกระดาษเป็นกรวยซักทีค่ะ เพราะเอาฐานพิมพ์มาขีดตลอดเลยง่ายดี
เปิดเตาไว้เนิ่นๆค่ะ เพราะเวลาในการผสมแบทเทอร์ของชิฟฟอนเนี่ยมันสั้น จะได้ไม่ต้องมานั่งลุ้นระทึกรอทีหลังนะคะ เดี๋ยวฟองอากาศในไข่จะแฟบหมดค่ะ
2.ร่อนของแห้ง แป้ง ผงฝู น้ำตาลป่น เกลือ รวมกันในอ่างผสมใบใหญ่หน่อยค่ะ ทำหลุมตรงกลาง พักไว้
3.ผสมของเหลวคือ นมสด น้ำมันคาโนล่า ไข่แดง วนิลลา คนให้เข้ากัน
4.เทส่วนผสมไข่แดงลงไปในส่วนผสมแป้ง ใช้ตะกร้อมือคนๆควักๆให้แค่พอเข้ากัน พักไว้ก่อนค่ะ
5.ใช้มิกซ์เซอร์ตีไข่ขาวด้วยความเร็วสูงให้เป็นฟองหยาบๆ ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ ระหว่างตีค่อยๆทยอยใส่น้ำตาลป่นลงไป ตีจนกลายเป็นโฟมค่ะ ลองหยุดเครื่องดู ตวัดหัวตีขึ้นมาดูว่าปลายแหลมมันตั้งยอดได้มั้ย ถ้ายังเหี่ยวๆงอๆอยู่ก็ตีต่ออีกหน่อย อย่าให้ตั้งยอดแข็งมากค่ะ เอากลางๆเนื้อเค้กที่ได้จะนุ่มกว่า พอดูว่าพอจะตั้งยอดแล้วให้เปลี่ยนมาเป็นความเร็วต่ำสุด ตีไล่ฟองอากาศไปอีกซัก 30 วินาทีค่ะ นับเอาในใจก็ได้
6. เสร็จแล้วแบ่งส่วนไข่ขาวเป็นสามส่วน ค่อยๆผสมลงในส่วนของไข่แดง
ผสมตะล่อมให้พอเข้ากัน พอใส่ไข่ขาวส่วนสุดท้ายลงไปพยายามปาดในอ่างให้ไข่ขาวหมดค่ะ เอียงชามผสมแล้วตวัดตะกร้อมือให้ส่วนผสมเข้ากันถึงก้นชาม ใช้เวลาไม่นานจะได้ส่วนผสมข้นๆประมาณนี้
เทแบทเทอร์ใส่พิมพ์ค่ะ ระหว่างเทก็เช็คไข่ข่าวดูหน่อยใช้ตะกร้อมือพลิกเบาๆก็ได้ เอาเข้าอบประมาณ 25-30 นาที เช็คสุกโดยการเอานิ้วกดเบาๆถ้าเค้กไม่ยุบยวบ สปริงคืนกลับมาบ้างโอเคใช้ได้แล้วค่ะ ถ้าอบนานเกินไปเนื้อก็จะหยาบด้วยค่ะ
พอครบเวลาก็ได้มาแล้วเค้กชิฟฟอนวนิลลาของเรา สูตรนี้ไม่แน่ใจค่ะว่าทำไมถึงจะยุบลงไปอีกหน่อย เพราะสูตรเดียวกันกับเค้กชาไทย แล้วก็เค้กชอคหน้านิ่มของคุณจุ๋ม ทำออกมาก็ไม่ยุบเลยนะคะ อาจจะเป็นเพราะส่วนผสมก็ได้เนาะ แต่ไม่ใช่ปัญหาค่ะ ไม่ได้แฟบจนทำอะไรไม่ได้
พักให้คลายร้อนซักครู่ประมาณ 10 นาที แซะออกจากพิมพ์ คว่ำเค้กดึงกระดาษไขออกหงายด้านบนกลับคืน พักไว้บนตะแกรงให้เย็นสนิทค่อยสไลด์แบ่งค่ะ เพราะสไสลด์ตอนยังอุ่นๆอยู่เค้กสองชิ้นมันจะหดไม่เท่ากันค่ะ ภาพด้านขวาเป็นก้นเค้กนะ
ระหว่างรอเค้กเย็นก็หันมาหยิบจับอย่างอื่น แนะนำว่าให้ล้างสตรอเบอร์รี่หลายๆน้ำแล้วก็แช่ด้วยผง
โซดาไบคาร์บอนเนตซักหน่อยจะได้ทานอย่างสบายใจค่ะ
7.มาทำซ๊อสกัน หั่นสตรอเบอร์รี่เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ในหม้อ ใส่น้ำตาล เกลือนิดหน่อย ตั้งไฟให้เดือด ยกลงพักไว้แล้วเติมน้ำมะนาว พอหายร้อนแล้วก็เอามาปั่นให้ละเอียด จะเก็บไว้ใช้นานๆก็แช่ในช่องฟรีสได้ค่ะ
ซ๊อสที่ได้จะข้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องเติมแป้งนะคะ แนะนำว่าให้ใช้แบบสดดีกว่าแช่แข็งค่ะ เคยลองแบบแช่แข็งแล้วรสชาติมันชืดๆยังไงไม่รู้สิ ซ๊อสเนี่ยเอาไว้ใช้กับเค้กชนิดอื่นๆ หรือเอาไว้เคล้ากับผลสตรอเบอร์รี่ก่อนจะเอามาสอดไส้ก็ได้ค่ะ สีแดงเข้มสวยมากเลย
8.เตรียมส่วนผสมวิปปิ้งครีม เทส่วนผสมรวมๆกันไปเลยก็ได้ค่ะไม่ซีเรียส วิปปิ้งครีม ไอซิ่ง เกลือ วนิลลา
แต่ให้เก็บนมสดไว้ผสมระหว่างตีค่ะ แล้วนำอ่างผสมไปแช่ช่องฟรีสเลยซัก 15 นาที
9.ระหว่างนี้ถ้าจะใช้เจลาติน ก็ให้ผสมเจลาตินกับน้ำในถ้วยทนความร้อนรอให้พองเต็มที่ แล้วเอาใส่ในไมโคเวฟซัก 10-20 วินาทีเท่านั้นค่ะ รอสังเกตดูมันจะเดือดๆจนละลายหมดแล้วก็เอาออกมาคนๆพักไว้ให้คลายร้อนจัดนะคะ ใส่น้ำลงไปให้พองเต็มที่ เอาออกมาก็จะเป็นของเหลวข้นๆ
10.เมื่อครีมเย็นจัดๆแล้วก็เอาออกมาตีด้วยมิกซ์เซอร์สปีดสูง ตีให้เป็นฟอง ค่อยๆเทนมสดลงไปโดยยังตีสปีดสูงอยู่ ตีต่อไปจนกว่าจะข้นและตั้งยอดได้ค่ะ อันที่จริงใช้เวลาไม่นานนะ ไม่น่าเกิน 5-6 นาที
ถ้าอากาศร้อนจัดๆเห็นท่าไม่ดีก็เอาไปแช่ฟรีสอีกซักพักแล้วเอามาต่อใหม่ได้ค่ะ เพราะถ้ายังเหลวๆไม่ยอมขึ้น อีกซักแป๊ปก็จะแยกตัวแล้ว
พอตั้งยอดขึ้นมาแล้ว วิธีเช็คก็เหมือนตอนตีไข่ขาวแหละค่ะ ตวัดดูยอดจากปลายตะกร้อหรือในอ่างก็ได้ พอได้แล้ว ระหว่างตีนี้ก็ให้ใส่เจลาตินที่อุ่นๆ (ห้ามร้อนจัดนะเดี๋ยวครีมจะเหลวซะก่อน) เทลงไปเป็นสาย ตีให้เข้ากัน เอาพายยางปาดๆขอบอ่างหน่อย แล้วลดลงมาตีสปีดต่ำสุดเพื่อไล่ฟองอากาศใหญ่ๆ เนื้อครีมก็จะเนียนสวย แล้วปิดเครื่องเลยค่ะ เอาวิปครีมไปพักไว้ในตู้เย็นก่อน
เนียนดีเนอะ หอมนมสดและหวานกำลังดีค่ะ
วิธีประกอบเค้ก
1.สไลด์เค้กออกเป็นสองส่วน
2.หั่นสตอเบอร์รี่ที่เราเก็บไว้ค่ะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกเอาไว้สอดไส้ ส่วนที่สองเอาไว้สำหรับแต่งหน้า
จัดวางเค้กบนกระดาษหรือถาดรองแล้วนำมาวางบนแป้นหมุนค่ะจะได้แต่งเค้กได้ถนัด
3.ทาซ๊อสสตรอเบอร์รี่บนหน้าเค้กชิ้นฐาน โปะวิปครีมลงไป เหลือขอบรอบนอกไว้นิดหน่อย
เรียงสตรอเบอร์รี่ลงไป มากน้อยตามชอบ แล้วก็โปะวิปครีมลงไปอีกที สนุกจริงจริ๊ง
จากนั้นก็นำเค้กอีกชิ้นมาวางประกบได้เลย กดเบาๆพอให้มันสัมผัสกันดีค่ะ คราวนี้ก็แต่งเค้กด้วยวิปครีมส่วนที่เหลืออยู่ เริ่มจากโปะด้านข้างโดยรอบ ใช้สปาตูลาร์กดวิปครีมเข้าไปตามช่องโหว่กลางตัวเค้ก แล้วก็ปาดไปให้รอบค่ะ พอเป็นรูปเป็นร่างแล้วก็เลื่อนมือมาทำที่ด้านบน โปะครีมลงไปแล้วก็ปาด
ในช่วงแรกถ้ายังไม่เนียนไม่ต้องแคร์สื่อมากค่ะ เอาให้ปิดตัวเค้กสม่ำเสมอก่อนแล้วค่อยกลับมาเก็บละเอียดอีกที แล้วการแต่งเค้กแบบวันนี้ก็ง่ายเพราะว่าหน้าด้านบนเราจะราดด้วยสตรอเบอร์รี่ที่เคล้าซ๊อสเอาไว้ก็ไม่ต้องกังวลความเรียบร้อยเท่าไหร่
ถ้าใช้เวลาในการแต่งมาก ให้คอยสังเกตวิปครีมด้วยว่าเริ่มคลายตัวรึเปล่า ถ้ายังไงก็เอาไปแช่ตู้เย็นซัก 20-30 นาทีแล้วค่อยกลับมาทำต่อนะคะ
ใกล้สมบรูณ์แล้วค่ะ หลายขั้นตอนแต่รับรองได้ผลคุ้มค่านะคะ สำหรับท้อปปิ้งเนี่ยแนะนำให้ราดก่อนทานจะดีกว่า สตรอเบอร์รี่จะได้ไม่ดำวิปครีมก็ไม่แฉะ และถึงจะมีเจลลาตินคอยช่วยพยุง เค้กชิ้นนี้ก็ยังจำเป็นต้องอยู่ในที่เย็นอยู่ดีนะคะ ถ้าเอาไปฝากใครก็ให้แช่เย็นจัดๆก่อนแล้วค่อยเคลื่อนย้ายค่ะ ไม่งั้นย้วยไหลเยิ้มไม่สวยนะคะจะบอกให้
เรียบร้อยค่ะ แค่เห็นในรูปก็อยากจะกินอีกสักชิ้นแล้วสิ อิอิ..... มีเวลาก็ลองทำดูนะคะ รับรองเพื่อนๆที่ชอบ cold cake แบบนี้จะต้องทานจนเกลี้ยงแน่ค่ะ หรือจะแต่งแบบนี้ก็ได้นะ ตามชอบเลยค่ะ
Have a nice day!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
Please share...