วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ตี butter cake แบบ 2 ขั้นตอน


อะฮ้า วันนี้อยากลองวิธีตี butter cake อีกแบบนึงดูค่ะ เพราะสูตรที่ใช้มาตลอดจะเป็นของคุณจ้ำจี้ที่ไม่ว่าทำกี่ครั้งๆก็ออกมาอร่อยนะคะ แต่ก็สงสัยว่าเนื้อบัทเทอร์เค้กอย่างของ S&P หรือของ starbucks มันไม่เหมือนของเราหว่า ก็เลยลองหาสูตรตีแบบอื่นๆดู มีสูตรแบบที่ให้ใส่ EC-K ซึ่งเป็นสารเสริมที่ไม่เข้าทางของเรา ก็เลยมาลองแบบ 2 stage method นี่ดูเนื่องจากส่วนผสมใกล้เคียงกันเลย เพียงแต่ใส่นมน้อยกว่าเท่านั้นเอง คิดว่าไม่น่ายากแต่ก็เผื่อใจเจ๊งเอาไว้เหมือนกัน 555 สูตรจากหนังสือ delicious cake นะคะแต่ปุ่นปรับนิดหน่อย โดยไม่ทำเป็นรสส้มค่ะ
ถ้าใครติดตีแบบเดิมอยู่แล้วมาทำสูตรนี้นะ ขอบอกว่าตื่นเต้นดีค่ะ

ส่วนผสม

สูตรนี้ปุ่นทำเป็น 2 เท่าจากสูตรในหนังสือนะ ได้ถาดฟลอยด์ no.4702 สองใบค่ะ ไม่ได้ใช้ savarin mold หรอก เพราะว่าม่ายมี อย่าได้แคร์ค่ะ

1.แป้งเค้ก 100 ก.
2.แป้งข้าวโพด 40 ก.
3.ไข่ไก่ 4 ฟอง
4.เนยสด 310 ก.
5.น้ำตาลป่น 180 ก.
6.ผงฟู 2 ชช.
7.วนิลลา    1 ชช.   (ปุ่นใช้แบบน้ำนะคะผสมไว้กับนมข้นจืดเลยก็ได้)
8.เกลือ 1/4 ชช.
9.นมข้นจืด 2 ชต.




วิธีทำ

เตรียมวอร์มเตาอบ 180 C ปุ่นใช้ไฟล่างอย่างเดียว (เพราะไฟบนมันเปลืองไฟฟ้าอ่ะ ไฟล่างใช้ 900 w ไฟบนดันใช้ตั้ง 1900 w แต่ไม่เคยมีปัญหานะ คอนเฟริ์มค่ะ)
ถาดฟลอยด์ก็เช็ดหน่อยค่ะเพราะชอบมีคราบน้ำมันติด

1.ร่อนแป้งเค้ก แป้งข้าวโพด ผงฟู เกลือ เข้าด้วยกัน พักไว้
2.ตีเนยสดด้วยความเร็วสูงให้ฟูขึ้น และสีอ่อนลง ปาดอ่างในระหว่างตีให้ไม่มีเนยทิ้งตัวเป็นก้อนอยู่ด้านล่างนะคะ จนเนยฟูดีแล้วจึงเติมแป้งที่พักเอาไว้ลงไปค่ะ เปลี่ยนเป็นความเร็วต่ำตีแป้งให้พอเข้ากับเนย






ตามด้วยนมข้นจืดและวนิลลา ตีต่อด้วยความเร็วต่ำ ประมาณ 1/2-1 นาที แค่ให้พอเข้ากัน แล้วเอาพลาสติกปิดไว้กันแห้งค่ะ ปุ่นเอาแปะกับแบทเทอร์ไปเลย






3.จากนั้นมาตีไข่ ตีด้วยความเร็วสูงจนเป็นฟองละเอียดก็ทยอยใส่น้ำตาลป่นลงไปค่ะ ตีไปเรื่อยๆจนเป็นครีมข้น ปุ่นตีไปจนเหมือนตีสปองค์นั่นเลย จนไข่เป็นโฟมข้นน่ะค่ะ ในหนังสือเค้าว่า "เมื่อยกตะกร้อดูส่วนผสมที่หยดลงมา จะทิ้งรอยส่วนผสมไว้ในอ่าง ไม่จางหายอย่างรวดเร็ว"






พอได้แล้วปุ่นแอบตีด้วยความเร็วต่ำเพื่อตัดฟองอากาศแป๊ปนึง นับ 1- 20 ในใจ

4.จากนั้นเอาส่วนผสมแป้งที่พักไว้ทยอยเติมลงไปในส่วนผสมไข่ ตีไปเรื่อยโดยไม่ต้องหยุดเครื่อง ของปุ่นแบ่ง 3 ครั้งค่ะ เพราะไม่ได้ตั้งเครื่องบนแสตนด์เลยตะกุกตะกักหน่อย สูตรให้เปลี่ยนเป็นความเร็วปานกลางตีต่ออีก 1 1/2 นาที แต่ปุ่นไม่ตีค่ะ เปล่าดื้อแต่กลัวเค้กมันกลายเป็นขนมปังอ่ะ เลยเอาแค่พอเข้ากัน แล้วเอาแค่พายยางตะล่อมๆอีกหน่อย
แบทเทอร์ที่ได้หนักมากไม่เคยชินเลย จากสูตรของคุณจ้ำจี้จะได้ถึง 3 ถาดเชียวนะ แต่นี่ได้แค่สองเองเริ่มหวั่นใจนิดๆ




5.เทใส่พิมพ์ เอาเข้าอบ 45-50 นาที ของปุ่นใช้เวลาแค่ 40 นาทีเท่านั้นอาจเพราะใช้ถาดฟลอยด์ด้วย
ตอนอบต๊กกะใจเห็นเค้กโด่งหน้าแตกเชียว เพิ่มความหวั่นใจไปอีกระดับ 555 แต่เราขี่หลังเตาอบแล้วก็ลงไม่ได้ใช่มั้ย เอาไว้รอดูตอนเสร็จ





ตอนอบหอมมากๆ เมื่อถึงเวลาเอาออกจากเตาเค้กฟูหน้าแตก แถมเปลือกแข็งโป๊กนึกในใจว่าเค้กของชั้นมันกลายเป็นขนมปังไปซะแล้ว เพราะการตีแบบนี้มันใส่แป้งลงไปใช้เวลาตีโดยรวมนานกว่าที่เคยๆค่ะ
ถอดใจไปเลยแหละเพราะปริมาตรก็ได้น้อย อบเสร็จรอให้เย็นตัวปิดฝาไว้กะว่าพรุ่งนี้ค่อยมาทิ้ง





แต่ที่ไหนได้!!! ตอนเช้าบัทเทอร์เค้กของเรา มันนุ่มลงแล้ววววว นุ่มมากๆๆ เปลือกก็เนียนละเอียดเหมือนที่อยากได้ พอตอนตัดชิมเค้กเนื้อแน่น เนียน แล้วก็หอม ขอบอกว่าเหมือนเป๊ะๆ สำเร็จเป็นอย่างดีค่ะ
  






แต่รสชาติที่ได้จะต่างจากของคุณจ้ำจี้หน่อยเพราะของคุณจ้ำจี้จะใช้นมเยอะว่า ได้รสชาติของนมด้วย ส่วนสูตรนี้จะหอมจางๆเปลือกจะสีสวย    เนื้อแน่นแล้วก็เป็นฟองอากาศน้อยกว่าค่ะ
ใครอยากลองก็ลองดูนะคะ ตื่นเต้นหน่อยแต่ผลลัพธ์ออกมาดีก็สนุกดีค่ะ

ขอให้มีความสุขนะคะ

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เค้กส้มชิฟฟอน



ยุ่งๆติดภารกิจหลายสิ่งไปพักใหญ่ เพิ่งได้นึกอยากทำขนมขึ้นมาเลยลองทำอะไรที่ยังไม่เคยทำดูมั่ง เค้กส้มนี่หาสูตรที่เป็นชิฟฟอนยากมาก ก็เลยลองปรับสูตรเอาเองจากเค้กชาไทยของแม่สลิ่มเอาค่ะ ผลที่ได้ก็เกือบเป็นที่หน้าพอใจ กรรมการให้ผ่านทุกคนก็ถือว่าใช้ได้นะ
แต่คงต้องมาปรับอีกนิดในคราวหน้าเพื่อความเพอร์เฟค เนื่องจากตัวเค้กมันจะหดไปหน่อย คิดว่าส่วนผสมของเหลวจะมากไปนิด เดี๋ยวมีโน๊ตไว้ให้ที่สูตรนะคะ

ส่วนผสมตัวเค้ก

1.แป้งเค้ก 90 กรัม  (น่าจะเพิ่มเป็นประมาณ 100 กรัมนะ ได้ผลยังไงจะมาอัพเดทอีกที)
2.น้ำตาลป่น 45 + 45 กรัม (แยกใส่ส่วนไข่แดงและไข่ขาว)
3.ผงฟู  1/2 ชช.
4.เกลือ 1/4 ชช.
5.ไข่ไก่ 3 ฟอง (แยกไข่แดง ไข่ขาว)
6.นมข้นจืด 35 กรัม
7.น้ำมันพืช 40 กรัม
8.วนิลลา 1/2 ชช.
9.น้ำส้มคั้น 100% กรองเอากากออกด้วยนะคะ 40 กรัม
10.ครีมออฟทาทาร์ 1/4 ชช.




วิธีทำ

1.เตรียมพิมพ์ 8 นิ้ว ปูกระดาษไขไม่ต้องทาไขมัน ตั้งเตาอบรอที่อุณหภูมิ 180 C

2.ผสมส่วนของแห้งเข้าด้วยกันในอ่างผสมใบใหญ่หน่อยนะคะ เพราะต้องตีไข่ขาวมาใส่ที่อ่างนี้ด้วย มีแป้งเค้ก น้ำตาลป่นส่วนที่ 1 ผงฟู เกลือแล้วร่อนรวมกันไปเลยค่ะ สัก 2 รอบ ทำหลุมตรงกลางพักไว้ก่อน

3.คราวนี้ก็ผสมส่วนของเหลว ไข่แดง น้ำมันพืช นมข้นจืด วนิลลา น้ำส้มคั้น คนให้พอเข้ากัน

4.เทลงไปในส่วนของแห้ง ใช้ตะกร้อมือ คนให้พอแค่ไม่เห็นเม็ดแป้งนะคะ พักไว้ก่อนหันมาตีไข่ขาวกัน




5.ไข่ขาวให้แยกไว้ในอ่างผสมที่สะอาดไม่มีคราบมันนะคะ บางคนอาจทราบดีอยู่แล้วว่าถ้าไข่ขาวมีส่วนผสมของไขมันเช่นไข่แดงก็จะตีไม่ขึ้น แต่ไม่ต้องเกร็งมากนะคะ เพราะปุ่นก็ยังไม่เคยตีไม่ขึ้นเลยสักครั้งน่ะ
ตีให้เป็นฟองหยาบ แล้วก็ใส่ครีมออฟทาทาร์ลงไป ตีต่อด้วยความเร็วสูง ทยอยใส่น้ำตาลป่นให้หมด ตีไปจนกระทั่งเป็นโฟม เมื่อหยุดหัวตีแล้วตวัดขึ้นมาตั้งยอดได้ แต่อย่าให้เงาวับ ยอดแข็งโป๊กนะคะเดี๋ยวเค้กมันจะหยาบ เอาประมาณว่าเหมือนครีมโกนหนวดอ่ะ





6.ทยอยแบ่งส่วนเมอแรงค์นี้เป็น 3 ส่วน ผสมลงในส่วนไข่แดงแล้วใช้ตะกร้อมือคนเบาๆพอเข้ากัน มาผสมให้เนียนๆในรอบสุดท้ายค่ะ จ้วงๆตรงใต้ๆอ่างขึ้นมาให้เข้ากันนะเอาเป็นว่าอย่าให้มีส่วนขาวๆเหลือเป็นเส้นๆแล้วกันค่ะ







7.เทใส่พิมพ์ เคาะเบาๆไล่ฟองอากาศ ใช้ไม้จิ้มฟันลากช่วยก็ได้ค่ะ เอาเข้าเตาอบเลยอย่ารอ เพราะเดี๋ยวฟองอากาศหายหมดนะ ปุ่นเคยลืมตั้งเตาเอาไว้แต่แรก ลุ้นสุดๆว่าเมื่อไหร่อุณหภูมิมันจะถึงซะที เหนื่อย อบประมาณ 25-30 นาที ค่ะ เช็คสุกโดยการเอานิ้วกดดูแล้วเค้กไม่ยุบยอบ เด้งกลับคืนนะคะ


 เนี่ยค่ะหดนะ แต่ไม่ถึงกับกรี๊ดค่ะ พอรับได้ ตอนลองทำอีกรอบเพิ่มเวลาไปนิดนึงก็หดอยู่ดี เลยคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของใส่ของเหลวมากเกินไป อาจจะปรับลดลงหน่อยหรือไม่ก็เพิ่มแป้งอีกหน่อยค่ะ



8.ครบเวลาแล้วเอาออกมาพักไว้บนตะแกรงให้เย็นแล้วค่อยแซะออกจากพิมพ์ค่ะ ทิ้งไว้ให้เย็นสนิทแล้วค่อยสไลด์แบ่งครึ่งนะคะ ไม่งั้นสองชั้นมันจะหดไม่เท่ากันน่ะค่ะ ระหว่างนี้ก็ไปเตรียมทำหน้าเค้กรอค่ะ



ส่วนผสมหน้าเค้ก

1.น้ำส้มเข้มข้น ซันควิก 70 กรัม
(เค้าว่าให้ใช้รสแมนดารินนะคะ แต่หาซื้อไม่ได้ก็เลยลองใช้รสธรรมดาดู รสชาติก็ออกแนววิตามินซีหน่อยแต่ก็อร่อยดีค่ะ)
2.น้ำ 400 กรัม
3.น้ำตาล 140 กรัม (แต่ปุ่นไม่ชอบหวานใส่แค่ 120 กรัม)
4.แป้งกวนไส้ 40 กรัม
5.เนยจืด 50 กรัม
6.เกลือ 1/8 (ขอแอบใส่หน่อยกลัวมันจะเปรี้ยวหวานแหลมเกินไปน่ะ)



วิธีทำ

เตรียมวางเค้กชิ้นฐานลงบนตะแกรง ด้านล่างรองไว้ด้วยจานหรือถาดใบใหญ่ๆอีกที

1.ผสมทุกอย่างลงไปในหม้อเลย ยกเว้นเนย ตั้งไฟอ่อน คอยคนตลอดให้เข้ากัน แรกๆคนเร็วๆได้แต่หลังๆผ่อนหน่อยค่ะเพราะจะได้ไม่มีฟองอากาศมาก



2.พอส่วนผสมเริ่มข้น แบบเวลาคนแล้วเห็นรอยตะกร้อ ก็ให้เติมเนยสดลงไป คนตลอดให้เนยละลายหมด



พอเริ่มข้นได้ที่แล้วก็เทหน้าเค้กราดลงไปบนเค้กชั้นแรกได้เลยค่ะ มากเท่าไหร่กะเอาพอประมาณไม่ต้องให้ล้นออกมาจากฐานเค้กค่ะ จากนั้นเอาเค้กที่ไสลด์เอาไว้อีกชิ้นปิดลงไป กดเบาๆให้พอติดกัน เทส่วนหน้าเค้กที่เหลือในหม้อสูงๆลงไปตรงกลางเค้ก ด้านไหนที่หน้าเค้กไม่ไหลไปก็จับตะแกรงเอียงเบาๆไปที่ด้านนั้นค่ะ ขั้นตอนนี้ถ้าทำเร็วๆหน้าเค้กยังร้อนอยู่ก็จะออกมาเด้งเนียนสวยค่ะ
ด้านข้างเค้กจุดไหนที่หน้ามันไหลลงมาโดนไม่หมดก็ไม่เป็นไร ให้เอาหน้าเค้กที่ล้นออกมาอยู่ในจานที่รองเอาไว้ รอให้เย็นลงหน่อยแล้วไปปาดเติมตรงที่โบ๋ๆได้ค่ะ



เสร็จแล้ว ทำง่าย เนื้อเค้กนุ่มหอมน้ำส้มอร่อยดีค่ะ  เก็บในตู้เย็นหาอะไรครอบหรือถ้าเค้กเซทตัวดีแล้วก็เอาพลาสติกwrapน่ะค่ะแปะหน้าเค้กกับรอบๆเอาไว้เลย เค้กจะได้ไม่แห้งค่ะ เก็บไว้ได้3-4 วัน







สุขสันต์วันนี้นะคะ!

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ลองชิมที่ร้าน after you


เพิ่งจะมีโอกาสไปทานขนมที่ร้าน after you ของคุณเม เจ้าของหนังสือ may made อันโด่งดัง เข้าไปที่ร้านโอ้โห ต่อคิวกันยาวหยั่งกับหน้าร้านสุกี้แน่ะ เห็นแล้วปลื้มใจแทนเจ้าของร้านจริงๆเลย เมนูก็หลาหลายดีค่ะ ไว้วันหลังจะได้ไปลองเมนูอื่นๆบ้าง วันนี้ของลองเมนูเลื่องชื่อก่อนเลย shibuya honey toast ไปกับเพื่อนสาวก็ต้องมีเชียร์กินอีกสิ แล้วก็อดสั่ง mille crepe ไม่ได้ แถม red velvet cupcake อีกก้อน ก่อนหน้านั้นเพิ่งซัดข้าวมันไก่น้ำมันเยิ้มมา น้ำหนักไม่ขึ้นก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว โฮ่ๆๆๆ

red velvet cupcake


cup cake เนี่ยจริงแล้วไม่อยากสั่งเลยแต่เพื่อนสาวจะต้องเอาให้ได้ก็เลยตามเลย เพราะอยากลองเมนูอื่นๆที่ยังไม่เคยกินมากกว่าจะได้เอามาลองทำดู ใครสงสัยว่าทำไมมันแด๊งแดงก็ขอเฉลยว่าแค่ใส่สีเท่านั้นเอง ลองหาสูตรดูตาม youtube กันได้นะจ๊ะ ของ after you นี้เค้าน่าจะเป็นเนื้อ butter แล้วก็ทำได้ร่วนดีค่ะ butter cream ก็หอมดีบีบมานิดๆไม่เลี่ยน แต่แอบแพงนะก้อนแค่นี้ 75 บาทเชียว

mille crepe strawberry


เคยทำแล้วเนื้อไม่นุ่มเท่าเค้า...เศร้า   ไว้ลองหัดทำใหม่ดีกว่า เครปนุ่มดีค่ะไม่หวานเกินไปด้วย อร่อยๆ

shibuya honey toast


จานนี้ที่รอคอย แต่ขอเม้นท์ส่วนตัวว่าแรกทานเข้าไปแล้วต๊กกะใจ เพราะคาดหวังกับกลิ่นฟุ้งๆของเนยสด แต่กลับเป็นมาร์การ์รีนแฮะ (ถ้าไม่เข้าใจผิดนะ) เคยเห็นคุณเม เค้าเขียนในสูตรเหมือนกันว่าสำหรับบางสูตรแล้วคุณเมเธอชอบใช้มาร์การ์รีนมากกว่าจะใช้เนยสด แค่เราดันเป็นคนที่ไม่ชอบมาร์การ์รีนก็เลยผิดหวังไปจิ๊ดนึงน่ะ

เอาไว้คราวหน้ามีโอกาสจะลองเมนูอื่นๆดู

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ขนมจีนน้ำยา ปลาทูน่า




หยุดอยู่บ้านเนื่องด้วยสถานการณ์บ้านเมือง เลยมาจับตะหลิวเข้าครัวซะหน่อยเพราะหลังๆนี้ก็ไม่ค่อยว่างเลย ปกติปุ่นจะชอบทำพริกแกงน้ำยา หรือแกงส้มด้วยปลาทูน่ากระป๋องนี่แหละค่ะ เพราะสะดวก ไม่เหม็นคาวดีด้วย แต่ปุ่นไม่ค่อยชอบกินลูกชิ้นปลาก็เลยขอแอบใส่น่องไก่เล็กด้วย มาลองดูนะ

คุยกันก้นครัว : น้ำยาหรือแกงส้มเนี่ยทำทิ้งไว้ข้ามคืนก่อนกินนี่ น้ำมันจะข้นอร่อยมากเลยนะ ก็เลยทำตอนค่ำแล้วเอาไว้ทานมื้อเช้ากลางวันเนี่ย กำลังดีเลย




ส่วนประกอบ

1.กะทิ วันนี้ซื้อได้กะทิกล่องเล็ก  2 กล่อง
2.พริกแกงแดง ประมาณ  2 ขีด
3.พริกแห้ง 5 เม็ดขึ้นไป แล้วแต่ชอบเผ็ดมากน้อย
4.กระชายฝอย สัก 1 ขีดค่ะ
5.ปลาทูน่ากระป๋อง ในน้ำเกลือ บีบน้ำออกให้หมด
6.ขนมจีนสิ ขาดไม่ได้
7.น้ำตาลปี๊ป ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำปลาดี    ประมาณ 2 ทัพพี
9.เกลือนิดหน่อย
10.ใบมะกรูด 2-3 ใบ
11.น้ำสะอาด ประมาณ 3 ถ้วย
12.น่องไก่,ลูกชิ้นปลา แล้วแต่ชอบ

วิธีทำ

1.โขลกพริกแห้งให้ละเอียด ตอนเริ่มโขลกใส่เกลือลงไปในครกนิดหน่อยกันกระเด็น พอช่วยได้บ้างค่ะ
พริกละเอียดแล้วใส่กระชายตามลงไปโขลกต่อ เอาละเอียดๆเลยนะน้ำยาจะได้ข้นๆค่ะ ละเอียดดีแล้วก็ใส่เครื่องแกงแดงลงไป เคล้าให้เข้ากันค่ะ


 






2.ใส่ปลาทูน่าลงไปต่อ โขลกรวมกัน โขลกไปดูทีวีไปใจเย็นๆ ให้ปลาเข้ากับเครื่องแกงให้ละเอียดเนียน





 ได้มาเป็นเครื่องแกงน้ำยาแบบนี้ก็พักเอาไว้ก่อนค่ะ


3.ตั้งหม้อใส่กะทิลงไป รอให้เดือด ตามด้วยพริกแกง ยีๆนิดนึงแล้วทิ้งไว้ซักครู่ค่ะยังไม่ต้องคนแป๊ปนึงจากนั้นก็คนนิดหน่อย แล้วก็ทิ้งไว้รอให้หัวกะทินี้แตกมันหอมๆ จึงเติมน้ำแล้วตั้งไว้ให้เดือดเลยค่ะ




เติมน้ำแล้วได้มาประมาณค่อนหม้อแบบนี้


4.น้ำแกงเดือดดีแล้วก็ใส่น่องไก่ลงไป ช่วงนี้ก็ปรุงรสค่ะ น้ำปลา น้ำตาลปี๊ป เกลือ ใบมะกรูด ต้มต่อสักพักให้ไก่สุกดี ก่อนปิดเตาแป๊ปนึงก็ใส่ลูกชิ้นปลาที่จะกินค่ะ ไม่ค่อยชอบต้มลูกชิ้นนานๆมันจะด้านๆอ่ะ




เสร็จแล้วค่ะน่าทานมั้ยล่ะ ทานคู่ผักเครื่องเคียงตามชอบเลยนะ






ขอให้ทุกคนมีความสุขนะคะ