วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553

butter cup cakes

คัพเค้กสำหรับวันเกิดของ มิสซิส มยุรา ลูซี่ เพ็ชรสิงห์ 555 ล้อเล่นนะแต่เหมือนจริงๆ 


ปาร์ตี้วันเกิดคราวนี้อยากให้สนุกๆหน่อย ให้มีสีสันหลากหลายก็เลยตัดสินใจทำ cup cakes ซึ่ง คัพเค้กเนี่ยใช้สูตรสำหรับตัวเค้กได้หลายสูตรนะคะ บ้างก็มีชิฟฟอนด้วย แต่ส่วนตัวแล้วชอบทำเนื้อบัทเทอร์เพราะมันแน่นและหอมดีค่ะ ใช้สูตรของคุณจ้ำจี้นี่แหละ ที่สุดของที่สุดแล้ว ใครถนัดแบบไหนก็เอาแบบนั้นได้เลยค่ะ ก็ลองคำนวณสมาชิกและสูตรเอานะคะ วันนี้ทำไว้ประมาณ 16 ถ้วยค่ะ ใช้ถ้วยแบบวางในถาดอบได้เลยไม่ต้องเอาใส่ในถาดหลุมก่อนค่ะ สะดวกดี สีน่ารักเนอะ ซื้อที่ร้านตั้งจิ๊บเส็ง สะพานหันค่ะ แถวนึง ประมาณ 280 บาท



ทีนี้อยากให้มีเซอร์ไพรส์นิดหน่อยก็เลยจะทำไส้ให้ตัวเค้กนิดนึงค่ะ เอาคุกกี้คัตเตอร์ขนาดเล็กมาเจาะลงไปที่ตรงกลางของคัพเค้ก กดลงไปตรงๆแต่ไม่ต้องลงไปสุดถึงก้น โยกคัตเตอร์เบาๆแล้วดึงขึ้น เค้กส่วนที่ถูกกดจะหลุดติดออกมา





พอดีมีซ๊อสสตรอเบอร์รี่อยู่ก็จับหยอดลงไปเลยค่ะ แล้วก็ทำไส้ช็อคโกแลตอีกไส้นึง โดยละลายดาร์กช็อคโกแลต (กะเอาพอที่จะใช้นะคะ) เข้ากับเนยนิดหน่อย เอาใส่ไมโครเวฟสัก 10-20 วินาที พอให้ช็อคโกแลตเหมือนเหงื่อออกแล้วเอามาคนๆให้เข้ากัน พอเหลวได้ที่ก็จับมาหยอดใส่ตัวเค้กได้เลยค่ะ





เสร็จแล้วก็พักเค้กเอาไว้ก่อน หันมาทำ butter cream (คิดว่าเป็นสูตรของคุณแหม่มเทียร่านะคะ ต้องขอโทษด้วยที่ไม่แน่ใจเพราะว่าจดสูตรต่อๆกันมาหลายช่วงค่ะ) เป็นสูตรที่ตีง่าย เงา และเนียนสวยมากค่ะ

มีส่วนผสมตามนี้

1.เนยสดเค็ม     277 กรัม หรือเนยจืด + เกลือ 10 กรัม
2.เนยขาว          150 กรัม
แอบใส่แค่ 120 กรัมค่ะ ไม่ชอบเลยเนยขาว ทรานส์แฟตล้วนๆ
3.น้ำตาลทราย  290 กรัม
ไม่ค่อยชอบหวานใส่ไป 250 กรัม หรือน้อยกว่าก็ไม่ว่า
4.นมข้นจืด         75 กรัม
5.น้ำ                   90 กรัม

                                    

วิธีทำ

1.เคี่ยวน้ำเชื่อมโดยผสม น้ำตาล นมข้นจืด เกลือ น้ำ ลงในหม้อ คนให้ละลายให้มากที่สุด ยกขึ้นตั้งไฟไม่ต้องคนบ่อย เมื่อน้ำตาลละลายหมดก็ปิดไฟได้เลยไม่ต้องรอให้ข้น รอให้เย็น ใส่ในภาชนะที่มีจงอยปากจะได้เติมตอนตีเนยได้สะดวก 

                                   

2.ตีเนยที่เย็นนิดๆให้ฟู ด้วยความเร็วต่ำก่อนเครื่องจะได้ไม่โหลดมากจากนั้นปรับเป็นความเร็วสูง พอฟูได้ที่ก็เติมเนยขาว ตีต่อด้วยสปีดสูงจนสีอ่อนและฟูขึ้นมาก ให้สังเกตว่าปริมาณจะเพิ่มขึ้นด้วย ปาดอ่างเป็นระยะๆค่ะ แต่ถ้าเนยเริ่มเหลวให้เอาเข้าตู้เย็นสักพักแล้วค่อยเอากลับมาตีใหม่ค่ะ

เนยเริ่มอ่อนตัวและฟู


เติมเนยขาวลงไปตีต่อด้วยสปีดสูง


เนยฟูขึ้นเป็นเท่าตัวและสีอ่อนลงมาก


3.พอเนยฟูเนียนได้ที่สีจะอ่อนลงมาก ในระหว่างตีนี้ ให้ค่อยๆเติมน้ำเชื่อมลงไปให้เป็นสาย ยกสูงๆเทช้าๆ ปาดอ่างบ้าง พอเข้ากันจนเนียนฟูดีแล้ว ปรับเป็นความเร็วต่ำเพื่อตัดฟองอากาศประมาณ 1 นาที จะได้บัทเทอร์ครีมที่เป็นเงาเนียนสวยค่ะ พร้อมสำหรับไปผสมสีและแต่งหน้าต่อไป ถ้ายังไม่ใช้ก็ไปเก็บไว้ในตู้เย็น หรือwrapในภาชนะเอาใส่ช่องฟรีสเก็บเอาไว้ใช้ได้นานค่ะ เมื่อจะเอามาใช้ก็เอาออกมาตั้งไว้ให้คลายเย็นและตีด้วยพายไม้พายยางหน่อยก็เนียนดีแล้วค่ะ


                                    

                                    

                                    

คราวนี้ก็มาเตรียมการแต่งหน้ากัน ตอนนี้แหละสนุกดีค่ะ แบ่งบัทเทอร์ครีมออกมาเป็นส่วนๆ ตามจำนวนที่จะแต่งหน้าคัพเค้ก วันนี้จะแบ่งเป็น 3 รสค่ะ ฟิตจัด ใครชอบอะไรลองมิกซ์ดูเอาเองก็ได้ค่ะ คัพเค้กเนี่ยต้องสนุกไว้ก่อนไม่มีข้อกำหนดหรอกค่ะลองครีเอทดูนะ

 อุปกรณ์ที่ต้องใช้ 

1.ถุงบีบ ใช้ถุงบีบ หรือใช้ถุงแกงพลาสติกแทนก็ได้ค่ะสะดวกดี
2.หัวบีบ อันที่เห็นนี้เป็นเบอร์ใหญ่ที่สุดก็เลยไม่มีแหวนรอง
3.สีผสมอาหาร เลือกสีตามชอบ
4.บัตเตอร์ครีมแบ่งเป็นส่วน จะบีบสีอะไร กี่ถ้วย ก็ประมาณเอาค่ะ
5.ของตกแต่ง เช่นผงโกโก้ M&M ถั่วต่างๆ โอรีโอ้ ตุ๊กตาน้ำตาล ผลไม้ต่างๆ เยอะแยะตาแป๊ะไก่ แล้วแต่ชอบเลย


ผสมสีลงในบัทเทอร์ครีม สัก 2-3 หยด แล้วลองผสมให้เข้ากันด้วยช้อน ถ้าสียังไม่ได้ที่เราชอบก็เติมไปอีกค่ะ



จากนั้นเตรียมถุงบีบโดยตัดตรงกลางก้นถุงเป็นรูปสามเหลี่ยม กะความกว้างให้พอสอดหัวบีบจากด้านในถุงออกไปแล้วให้แค่ปลายหัวบีบโผล่ออกมาสัก 1 ในสี่ส่วนค่ะ

                                     

ทบปลายถุงสองด้านเข้ามาพันที่หัวบีบแล้วเอาหนังยางรัดเอาไว้ให้แน่นๆ พักเอาไว้ก่อน

                                   

พอรัดหัวบีบได้แน่นดีแล้วก็พลิกด้านในถุงออกมามากๆโดยเอามือรองไว้แบบนี้


ตักครีมที่ผสมสีเสร็จแล้วใส่ลงไปในถุงบีบ โดยใช้มือเดิมช่วยรีดครีมออกจากช้อนหรือไม้พาย ไม่ควรใส่ครีมเยอะเกินไปนะคะ ให้มีพื้นที่เหลือไว้ด้วยเพราะถ้ามากตอนบีบมันจะมีความดันเกิน จนดันหัวบีบปรี๊ดออกมาเลยค่ะ


ใส่ครีมแล้วก็ถลกถุงกลับคืน ใช้นิ้วดันให้ครีมตกลงไปถึงหัวบีบแล้วบิดปลายถุงให้ดี ลองจับถุงบีบดูกว่าถนัดเหลียมไหนนะคะ ก่อนจะบีบลงบนเค้กก็ให้บีบครีมไล่อากาศออกหน่อยค่ะ ได้แล้วก็บีบโลด


แต่นแต๊น!



ถ้าอยากได้เป็นรสชอคโกแลตก็เอาดาร์กชอคโกแลตมาละลายในไมโครเวฟ คนให้ละลายทั่ว รอให้เย็นแล้วเอามาคนผสมเข้ากับบัทเทอร์ครีมค่ะ


                                              

ก็จะได้คัพเค้กหลากรสหลากสีตามความชอบล่ะ จากนั้นใครมีอะไรจะเอามาแต่งหน้าก็ออกไอเดียกันให้เต็มที่อยากกินอะไรก็แปะเข้าไปได้ค่ะ








สุขสันต์วันอาทิตย์ค่ะ!

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

เมนูรอดตายที่เมืองจีน

 
     เวลาไปฮ่องกงหรือจีนทีไร ทุกข์ขนัดของคนเรื่องมากในเรื่องกินเช่นเดี๊ยน มีอันต้องวางแผนการจัดกระเป๋าเพิ่ม นอกจากเสื้อผ้ารุงรังแล้วยังต้องเอาอาหารยัดใส่เพิ่มเข้าไปมีทั้งถุง ทั้งถ้วยคัพ ทั้งกระป๋องให้วุ่นวายเข้าไปอีก เนื่องจากอาหารที่ฮ่องกงไม่ค่อยมีอะไรถูกปากเลย ยกเว้นที่อร่อยติดดาวแม้เป็นร้านริมข้างทางคือ ข้าวหมูกรอบ,หมูแดงและเป็ดย่าง (ซึ่งตอนนี้เลิกทานเป็ดไปแล้ว เพิ่มความยุ่งยากให้ตัวเองเข้าไปอีก) แต่ใครที่ติดทานแบบไทยๆที่ต้องมีน้ำข้นๆราดล่ะก็จะต้องผิดหวังนิดหน่อยแหละค่ะ เพราะเค้าเป็นข้าวสวยกับเนื้อนั้นๆเพียวๆ ดูสิต้องแอบคลุกน้ำพริกด้วยนะ อิอิ


ส่วนร้านที่เป็นแบรนด์เนี่ย Yoshinoya จะเป็นสวรรค์ของคนรักข้าวหน้าแบบญี่ปุ่นทีเดียว ชามนี้รู้สึกจะเป็นข้าวหน้าหมูตุ๋นแบบคล้ายๆพะโล้อ่ะ (ลืมชื่อไปแล้ว)



     ทางด้านเมืองจีนที่กว่างโจว ที่ค่อนข้างด้อย(มาก)เรื่องสุขอนามัย เลยลุ้นมากๆ ถ่ายเอาไว้เยอะ สังเกตได้ว่ารสชาติอาหารของร้านทั่วๆไปในจีนนั้นจะรสชาติเข้มข้นกว่า เหมือนรสชาติที่อาม่า หรือคุณย่าคุณยาย ของบ้านเราทำให้กิน แต่จะมันกว่า 20 เท่า แบบที่ว่ากินแล้วน้ำมันย้อยออกมาจากริมฝีปากเลยล่ะ ทิชชู่ก็ไม่มีแจก เคยลืมพกไปทีนึง พอเอานิ้วเช็ดๆน้ำมันเจ้ากรรมไหลย้อยใส่แขนเสื้อซะนี่ สวยมากๆ อยากจะกรี๊ด จะสั่งทีเนี่ยก็ลำบากต้องแอบเหล่โต๊ะข้างๆ ซึ่งอาตี๋ อาเจ๊ก็จะเหล่เรากลับเหมือนกลัวเราเข้าไปขายทิชชู่ พอคราวไหนเจอเมนูที่กินได้แล้วก็ต้องกลับไปกินเมนูซ้ำๆนี่แหละกันเหนียว ร้านเดิมๆเมนูเดิมๆ ตลอดสามสี่วัน

     ที่นี้ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง อันแรกเนี่ย เบบี้สุดๆกะว่ายังไงก็ได้แน่ ข้าวผัดหมู "จูโร่ว ชราวฝ่าน"


หอมกะทะมากแต่เฮียผัดข้าวกับเกลือซักทัพพีได้มั้ง จริงๆนะไม่ได้เว่อร์เค็มสุดๆ สั่งกี่ครั้งก็เค็มแบบนี้เลย ต่อมากินเล่นระหว่างรอข้าวผัดเกลือ "เสี่ยวหลงเปา" เรียกตามตี๋เก๊กหน้าหล่อแบบพี่หลิว (แต่ดันไม่หล่อ..ฟันเหลืองๆ) ลูกเท่านิ้วโป้ง เป็นไส้หมู ก็ดีๆ ได้ฟิล local food


นี่ก็ "เกี๊ยว" เกี๊ยวเฉยๆ ถ้าสั่งเกี๊ยวซ่าอาจได้อย่างอื่นมาแทน


เมนูนี้ลงตัวสุดถูกใจหมวยเมืองไทย รู้มั้ยว่าจนป่านนี้ยังไม่รู้ชื่อมันเลยเพราะครั้งแรกที่ได้กินสาเหตุจาก สั่งอย่างแต่ได้อีกอย่าง คือไอ้นี่ เดชะบุญถ่ายรูปเอาไว้ครั้งต่อมาเลยเอารูปให้อาเจ้เจ้าของร้านดูเอา น่าจะเรียกว่าข้าวไข่ข้นใส่หมูแดง เค็มกำลังดีกินกับข้าวสวยร้อนๆ



 

ดูน้ำซุปสิฟักไม่ต้องปอกเปลือกอุดมคุณค่าสารอาหาร



แล้วไม่รู้เป็นไงคนไทยในเมืองจีนหรือฮ่องกงเนี่ยจะได้รับความสนใจตลอด อุ้ย!คนไทยเหรอคะ ญาติหนูก็อยู่เมืองไทยนะ อย่างงี้อย่างนั้น ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นรังสีที่ดีนะ  วัดเอาจากบรรยากาศน่ะ คือถ้าด่าแต่หน้ายิ้มดิฉันก็ไม่รู้เรื่องค่ะ

อาหารรถเข็นเนี่ยเป็นอันที่ยังไงก็ไม่กล้ากินเพราะบางทีชอบรวมอยู่กับร้านเต้าหู้เหม็น เหม็นมากๆ รุ่นพี่เคยเดินผ่านแล้วอ้วกพุ่งอ่ะ ว่าเค้าไม่ได้ เหม็นจริงๆ เจอเข้าบ่อยๆ ต้องมาปรึกษากันว่า รึต้องกินเข้าไปฟะจะได้หายเหม็น แต่จนป่านนี้ยังไม่มีใครเป็นหน่วยกล้าตายค่ะ

 


มาดูขนมดีกว่าของโปรดคือ wallnut cookies ที่ฮ่องกงต้องแนะนำร้าน Kee wah bakery ในแอร์พอร์ตก็มีขาย อร่อยมาก ถ้าเรียกวอลนัทคุกกี้ดูไฮโซไป มันก็คือขนมหน้าแตกในบ้านเรานี่แหละค่ะ แต่รสชาติดีกว่าเยอะ ทานแล้วได้ความทรงจำตอนเด็ก ที่อร่อยอีกอย่างคือ egg roll อ่ะ แต่ไม่มีรูป ตอนเด็กๆจำได้มั้ย อิจิบัน เอ้กโรล หน้าตาเหมือนทองม้วนแต่ทำจากไข่



ฟากเมืองจีนเนี่ยหากินง่ายนั่งสบายก็ ทาร์ตไข่ที่ KFC จ้ะ กินกับกาแฟถ้วยนึงตอนบ่ายๆนะ ค่อยหายเหนื่อยหน่อย ก็แปลกเนอะ ตอนอยู่ฮ่องกงกลับไม่ค่อยเห็นทาร์ตไข่เท่าไหร่ สงสัยเส้นทางที่เดินบ่อยๆมันไม่มีร้านขายน่ะค่ะ เจอแต่ krispy kreme อ่ะ แต่ขอซุบซิบหน่อยนะ ส่วนตัวแล้วไม่เห็นว่าเจ้าโดนัทร้านนี้จะมีอะไรพิเศษเกินกว่ายี่ห้ออื่นหนิ อาจเป็นเพราะว่าสมัยก่อนยังไม่มีขายที่เมืองไทยคนก็เห่อๆหน่อยรึเปล่าคะ





เขียนแล้วนึกอยากกินแฮะ ต้องแวะไปร้าน kanom ซื้อกินซักอันสองอันเนอะ แถมพายเห็ดอีกแปดชิ้น 555 ชอบมากๆ
Have a nice day!

วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2553

ข้าว hayashi ข้าวราดสตูว์หมูแบบญี่ปุ่น


เมนูนี้มักจะเห็นบ่อยๆในรายการทีวีโชว์ของญี่ปุ่น ดูทีไรเวลาเค้าเคี่ยวสตูว์เนี่ย เห็นแล้วน้ำลายไหลทู้กที วันนึงเลยลองไปหาทานดูอย่างน้อยจะได้รู้ว่ารสชาติมันเป็นยังไง ได้ไปทานที่ร้านนึงในซอยสุขุมวิท 31 ก่อนถึงบ้านนายกอภิสิทธิ์จิ๊ดเดียว ก็เห็นว่าทำไม่น่ายาก เลยลองเอาสูตรของทางร้านที่ลงในหนังสือ elle deccor (จำเดือนไม่ได้เพราะบริจาคหนังสือไปแล้ว)  บวกกับเพิ่มเติมในอินเตอร์เนตอีกนิดหน่อย ปรับตามของที่หาได้ก็โอเค อร่อยดีค่ะ ใครอยากลองทำดูก็ได้ค่ะ ทำหม้อนึงเก็บไว้กินได้หลายมื้อดี อิอิ

ส่วนผสมสำหรับ 1 ที่

1.น้ำสต็อคกระดูกหมู  1 1/2 ถ้วยตวง (ไม่มีก็ใช้น้ำเปล่ากับคนอร์ 1 ก้อนค่ะ ง่ายๆอย่าไปซีฯ)
2.หอมใหญ่สไลด์บาง 1 หัว
3.กระเทียมสับ             1 กลีบ
4.เนยจืด                    30 กรัม
5.แป้งสาลี                 20 กรัม           (ถ้าเบิ้ลสูตรไม่ต้องเพิ่มแป้งหรอกค่ะ มันจะข้นเกินไป)
6.ซุปมะเขือเทศกระป๋อง 5 ช้อนชา  (ไม่มีก็ใช้มะเขือเทศบดข้นก็ได้ 3-4 ช้อน)
7.วูสเตอร์ซ๊อส                1 ช้อนชา
8.ใบกระวาน                   1-2 ใบ
9.เนื้อหมูสไลด์บาง        200 กรัม
10.เกลือ
11.โชยุ
12.พริกไทย
13.น้ำตาล
14.ไวน์แดง ตามชอบ (ไม่ใส่ก็ได้ ลองแล้วโอเคค่ะ)

คุยกันก้นครัว: ใบกระวาน หรือ Bay leave ของไทยมีอย่าเผลอไปซื้อของนอกนะคะแพงหูฉีก
ในภาพด้านบนนั้นตอนที่ทำมีเห็ดกระป๋องเปิดเอาไว้แล้ว ก็เลยใส่ไปด้วย ได้เนื้อได้หนังดีค่ะ












วิธีทำ

1.ผัดหัวหอม กระเทียมสับ และเนื้อหมูสไลด์ กับเนย ในกะทะก้นลึก จนเป็นสีน้ำตาลสวย ระวังอย่างให้ไหม้ จากนั้นเติมแป้งแล้วผัดต่อให้เข้ากันดี
2.ใส่น้ำสต็อคและซุปมะเขือเทศ ปรุงรสด้วยโชยุ วูสเตอร์ซ๊อส พริกไทย เกลือ น้ำตาล ใบกระวาน แล้วคนต่อให้แป้งละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าชอบไวน์แดงให้เติมได้ในตอนนี้
3.ตั้งทิ้งไว้ให้เดือดแล้วหรี่ไฟลงอ่อนสุด เคี่ยวต่อไปอีกสักพัก ต้องหมั่นคนเพื่อไม่ให้ก้นหม้อไหม้นะคะ
ทานโดยเอามาราดข้าวสวยญี่ปุ่น หรือจะทานกับเครื่องหน้า เช่น หมูชุบเกล็ดขนมปังทอด หรือ เทมปุระ ก็ได้ค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553

Carbonara สูตรถูกปากคนไทย





วันนี้มาทำอาหารคาวกันบ้าง มีเส้นเฟตตูชินี่อยู่ในตู้พอดี แล้วก็มีครีมเหลืออยู่ เครื่องปรุงเหลืออยู่ในครัวทำเมนูนี้ได้พอดี ส่วนตัวชอบพาสต้าชนิดนี้เพราะรู้สึกว่ามันคล้ายๆเส้นก๋วยเตี๋ยวดีอ่ะค่ะ มันเหนียวๆแล้วก็หอมไข่ดีนะ แต่ยี่ห้อนี้พอต้มเสร็จแล้วเส้นขยายออกมาค่อนข้างใหญ่เหมือนกัน ยังไงก็เปลี่ยนเส้นที่ใช้ได้ตามชอบค่ะ

คุยกันก้นครัว : pasta carbonara เนี่ยจากที่เสริช์ดูหลายๆสูตร ช่วงแรกๆก็งงเหมือนกัน คือสูตรบางอันจะทำแตกต่างกันมากๆ มีสถาบันสอนทำอาหารนึงทำออกมาหยั่งกับ scramble แหนะ ส่วนสูตรที่ค่อนข้างอิตาเลี่ยนชัดเจนเนี่ย เค้าจะไม่ใช้ทั้ง ครีม หอมใหญ่ กระเทียม ไข่แดง เค้าจะใช้แค่ Pancetta หรือ เบคอน กับไข่ไก่ทั้งฟองตีกับพาร์เมซานชีส เท่านั้น ส่วนผสมน้อยและง่ายซู้ดๆ

แต่ยังไงก็แล้วแต่เราชาวไทยชอบกินอาหารรสจัดๆ เนื้อเน้นๆ ก็ต้องเป็นสูตรประมาณนี้แหละค่ะ
เกี่ยวกับสูตรอาหารคาวเนี่ยขอให้นึกเอาว่า Cook is art but Bake is science นะ คือแล้วแต่รสมือ อย่าไปสนใจสูครคนอื่นมาก ดูเป็นไกด์ไลน์เท่านั้น ต้องขึ้นอยู่กับความพอใจในรสชาติของคุณเองจ้ะ

ส่วนประกอบ ( สำหรับ 1 ที่อิ่มๆ )

1.เส้นพาสต้า ชอบแบบไหนก็ต้มเอาตามชอบ 100-150 กรัม
2.เบคอน หรือ แพนเชตต้า ตามแต่ฐานะ ประมาณ 3-4 เส้น หั่นเป็นชิ้นเล็ก
3.ไข่ไก่ เฉพาะไข่แดง  1 ฟอง
4.พาร์เมซาน ชีส ซัก   2-3 ช้อนโต๊ะ
5.วิปครีมประมาณ  1/4 ถ้วยตวง
6.หอมใหญ่สับละเอียด  1/4 หัว
7.เห็ดแชมปิยอง สไลด์  4-5 ดอก
8.เกลือ
9.พริกไทยดำป่น
10.กระเทียมกลีบใหญ่ 1 กลีบ ทุบพอแตก



วิธีทำ

1.ต้มเส้นซะก่อน ตั้งน้ำให้เดือดใส่เกลือลงไปนิดหน่อย อ่านมาเค้าบอกว่าถ้าไม่ใส่ พาสต้าของคุณจะ Taste FLAT  555 เป็นคำที่ดีนะ ซื้อๆ
สังเกตข้างห่อว่าเค้าให้ต้มกี่นาทีนะคะ จะให้เป็น al dante ก็ต้องลบสักหนึ่งนาทีค่ะ เส้นจะหนึบได้ใจ ครบเวลาแล้วก็ล้างเส้นด้วยน้ำเย็น พักไว้เคล้าไว้ด้วยน้ำมันนิดหน่อยกันติดกันค่ะ เหลือน้ำร้อนที่ต้มเส้นติดหม้อไว้นิดหน่อยนะ


2.ใส่ไข่แดง ครีม ชีส รวมกันในชามผสม ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ตีให้พอเข้ากัน พักไว้ก่อน


3.ตั้งกะทะ เอาเบคอนลงไปเจียวพร้อมกับกระเทียม เจียวให้น้ำมันออกมาให้โม้ด จนเป็นสีน้ำตาลสวย เทออกมาซับน้ำมันบนกระดาษ เอากระเทียมออกมาด้วยและให้เหลือน้ำมันเบคอนให้ติดกะทะไว้หน่อย




4.ในกะทะจะเติมน้ำมันมะกอก หรือคาโนล่านิดหน่อยก็ได้ แต่เราไม่ใส่ดีกว่า เอาหอมใหญ่สับลงไปผัดให้เหลืองดี แล้วก็ใส่เห็ดตามไป ผัดพอเข้ากัน ใส่เส้น ใส่น้ำร้อนที่เก็บไว้เมื่อกี้ตามลงไปหน่อย เชฟเค้าว่าเพื่อให้มัน tender.. คร่ะ เคล้าให้เส้นเข้ากับเครื่อง หรี่ไฟลงเป็นไฟอ่อน เทส่วนผสมชีสไข่แดงลงไป เขย่ากะทะ เคล้าเส้นให้เข้ากันเร็วๆ แล้วเอาเบคอนเทกลับคืนลงไป ขอบอกว่าเร็วๆจริงๆเพราะทิ้งกะทะไว้จะกลายเป็นพาสต้าผัดไข่ไปเลยนะ ดูพอซ๊อสข้นขึ้นเคลือบเส้นเป็นครีม ก็ยกลงจากเตา แล้วชิมซักหน่อยอยากเพิ่มอะไรก็เพิ่มไปได้ตอนนี้ค่ะ


















เสร็จแล้วก็ตักใส่จานได้เลย ผลงานจานนี้ออกจะแห้งไปนิดนึงนะ มัวแต่ถ่ายรูปน่ะค่ะ แต่ยังไงก็อร่อยหอมชีสหอมเบคอน รสเข้มกลมกล่อมดีเจ้า เห็นแล้วหิวอีกรอบแล้วสิ...